บาคาร่าออนไลน์ นุ่มนวล ชวนตะลึง เฟซบุ๊กเผยแพร่คลิป พนักงานขนส่ง ทั้งโยน ทั้งใช้เท้าเตะของ ส่งพัสดุ ลงจากรถ ล่าสุดบริษัทสั่งพ้นสภาพพนักงานเรียบร้อย กลายเป็นคลิปที่ถูกวิจารณ์หนักหลังจาก ผู้ใช้เฟซบุ๊ก พ่อน้องนนท์ กับน้องไพลิน เผยภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นเหตุการณ์วันที่ 5 กันยายน 2564 ขณะพนักงานขนส่ง นำข้าวของลงจากรถ ด้วยพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทั้งโยน ทั้งใช้เท้าเตะพัสดุ ลงมาจากรถแบบไม่สนใจว่าของด้านในจะเสียหายหรือไม่
โดยเจ้าของโพสต์ได้แนบแคปชั่นไว้ว่า “นุ่มนวล… ชวนตะลึง !”
หลังจากเหตุการณ์นี้เป็นข่าวดังบนโลกออนไลน์ไม่นาน ล่าสุด เฟซบุ๊กแฟนเพจห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.ที.เอส.อาร์ ทรานสปอร์ต ซึ่งเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าว ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าพนักงานชายที่อยู่ในคลิปไม่ใช่พนักงานของบริษัทตนเอง ซึ่งได้ให้บริการเช่ารถในการขนส่งพัสดุกับบริษัทขนส่งรายหนึ่ง พร้อมกันนี้ยังได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว และจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้นำตัวชายในคลิปออกมาแถลงข้อเท็จจริงว่า ตนเองเป็นพนักงานขับรถชั่วคราว การกระทำของตนทำไปโดยขาดความยั้งคิด ต้องขอโทษลูกค้าทุกท่านเป็นอย่างสูง ตอนนี้ตนได้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานขนส่งดังกล่าวแล้ว การกระทำของตนไม่เกี่ยวกับบริษัทรถเช่าและขนส่งแต่อย่างใด
ผลออกแล้ว เป็นตำรวจจริง ล่าสุด ผกก. สภ.สีชมพู ถูกสั่งย้ายแล้ว เซ่นคลิปเจ้าหน้าที่นอนบนโรงพัก ประชาชนแจ้งความก็ไม่ตื่น จากกรณีมีการแชร์คลิปหญิงรายหนึ่งเดินขึ้นโรงพักไปแจ้งความที่ สภ.สีชมพู จ.ขอนแก่น และร้องเรียกตำรวจที่นอนอยู่กับพื้นโดนภายในห้องนั้นยังปิดไฟ แต่ตำรวจนายนี้ก็ไม่ตื่น ก่อนที่หญิงรายดังกล่าวจะเดินทางกลับ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันโซเชียลมีเดียวอย่างกว้างขวาง พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการตรวจสอบนั้น
ล่าสุด จากการตรวจสอบ พบว่าเหตุเกิดเมื่อวันที่ 5ก.ย.64 เวลาประมาณ 22.00 น. โดยสถานที่ดังกล่าว คือ สภ.สีชมพู อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ชายที่ปรากฏในคลิป คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด สภ.สีชมพู ยศดาบตำรวจ ต่อมาทราบชื่อว่า ด.ต.บุญส่ง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม ซึ่งขณะนั้นไม่ได้อยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ แต่อยู่ระหว่างการนอนพักรอเดินทางกลับบ้าน ขณะที่ช่วงเวลาดังกล่าวสิบเวรซึ่งทำหน้าที่อยู่ได้ไปเข้าห้องน้ำพอดี ส่วนพนักงานสอบสวนก็ได้ทำงานอยู่ในห้องทำงานซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของตัวอาคาร
ต่อมา พ.ต.อ.ไพรวัลย์ ท้าวพรม ผกก.สภ.สีชมพู เมื่อได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงได้ประสานไปยังประชาชนผู้แจ้งดังกล่าวโดยทันที แล้วดำเนินการรับแจ้งเหตุ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุข่มขู่และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ผู้แจ้งได้ ในข้อหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ยาเสพติดฯอย่างไรก็ตาม ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ไพรวัลย์ ท้าวพรม ผกก.สภ.สีชมพู เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น โดยไม่มีกำหนด ขณะเดียวกัน ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ก็ได้มีคำสั่งให้ สภ.สีชมพู ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน ซึ่งหากเมื่อพิจารณาแล้วพบว่ามีการบกพร่องจริง ก็จะดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาดต่อผู้กระทำความผิด รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดตามลำดับชั้น
เราเที่ยวด้วยกัน ทัวร์เที่ยวไทย มาแน่ ชัดเจนกลางเดือน ก.ย.
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวจะไม่ยกเลิกโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน และทัวร์เที่ยวไทย โดยพร้อมยืนยันจะเดินหน้าโครงการทั้งสองต่อ ซึ่งกลางเดือน ก.ย.นี้จะประกาศให้ทราบรายละเอียดต่อไป
ย้อนกลับไป เมื่อเดือนมีนาคม 2564 มีรายงานว่า ครม. ได้มีการอนุมัติให้ทำการปรับปรุงในส่วนของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทำให้ถือว่าเป็น เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 โดยมีการเพิ่มเติมสิทธิ์โครงการอีก 2 ล้านสิทธิ์ และได้ยกเลิกการจัดกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางในรูปแบบ Consumer Fair จำนวน 3 ครั้ง วงเงิน 8.08 ล้านบาท ขยายสิทธิ์เพิ่ม 2 ล้านสิทธิ (จาก 6 ล้านเป็น 8 ล้านสิทธิ) ตั้งแต่ พ.ค. 64 และขยายเวลาสิ้นสุดโครงการเป็น 31ส.ค. 64 โดยเพิ่มเติมมาตรการเพื่อป้องกันการทุจริต ดังนี้
ขอความร่วมมือกระทรวงมหาดไทยนำส่งข้อมูลจำนวนห้องพักของโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และขอสิทธิในการเข้าถึงฐานข้อมูล ภาพใบหน้าของประชาชนเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้สิทธิในโครงการฯ ด้วยการสแกนใบหน้าเมื่อทำการเช็คอินห้องพัก เพื่อให้ธนาคารฯ สามารถเชื่อมโยงเข้าถึงฐานข้อมูลดังกล่าวได้ เป็นการยกระดับการยืนยันตัวตนของผู้ใช้สิทธิในโครงการฯ ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการบริการที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ต้องตกลงให้ความยินยอมในการยอมรับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข (Consent) ของโครงการฯ ที่จะจัดทำขึ้นใหม่ เพิ่มเงื่อนไขความรับผิดชอบและบทลงโทษกรณีมีการกระทำผิดเงื่อนไขหรือการกระทำทุจริตด้วย
ปรับระยะเวลาการจองห้องพักล่วงหน้าจาก 3 วัน เป็น 7 วัน -ปรับวิธีการชำระเงินค่าห้องพัก โดยให้ชำระผ่านแอป ฯ “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” เพิ่มระบบการยืนยันตัวตนของผู้ใช้สิทธิโครงการฯ โดยผู้ใช้สิทธิต้องทำการสแกนใบหน้าเมื่อทำการเช็คอินห้องพัก -ปรับมูลค่าของ e-voucher ในลักษณะร่วมจ่ายในอัตราร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 600 บาทต่อห้องต่อคืน (ราคาเดียวกันทั้งวันธรรมดาและวันหยุด)
ยกเลิกการใช้สิทธิในจังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน ให้ใช้ e-voucher ในพื้นที่จังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้าน บาคาร่าออนไลน์